บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก พฤษภาคม, 2020

รีวิวหนังสือ The Knife of never letting go จาก Patrick Ness

รูปภาพ
อ่านบทความอื่นจาก พักงานมารีวิ           The Knife of never letting go หรือในชื่อไทย มีดของท็อดด์ เป็นนิยายในชุด Chaos Walking Trilogy เขียนโดย Patrick Ness ผู้สร้างปรากฏการณ์จากนิยายเรื่อง A Monster calls ที่ได้กลายเป็นภาพยนตร์ในปี 2016 และกระแสวิจารณ์เป็นไปในทางที่ดีทีเดียว คะแนนจาก Rotten Tomato สูงถึง 86% จึงทำให้สำนักพิมพ์ Words wonder ได้ซื้อลิขสิทธิ์เรื่องอื่นของ Patrick เข้ามาแปลอีก(และหวังว่าจะมีอีกเรื่อยๆ)                 มีดของท็อดด์ เป็นนิยายแนวไซไฟ-ดิสโทเปีย อย่าเพิ่งคิดว่า "อีกแล้วหรอ!" เพราะเรื่องนี้เราบอกเลยว่า มันไม่ซ้ำกับเนื้อหาที่ไหนแน่นอน แม้ว่าจะเป็นดิสโทเปียเหมือนกัน แต่เนื้อหา ตัวละคร สังคม ไม่จำเจแน่นอน มีดของท็อดด์ว่าด้วยเรื่องราวของของเด็กหนุ่มที่ชื่อว่าท็อดด์(แหม่ จะชื่อไหนซะอีก) กับโลกนิวเวิลด์และเมืองเพรนทิสทาวน์ที่ทุกอย่างมี "เสียงคิด" ของตัวเอง นั่นรวมถึง หมา นกฮูก จิ้งหลีด วัว คน และอื่นๆอีกมากมายที่เราไม่อาจสาธยายได้ คิดดูสิว่ามันจะวุ่นวายขนาดไหน เพราะเสียงคิดของทุกคน และทุกสรรพสิ่งจะตีกันจนยุ่งเหยิงไปหมด ข้อดี(มั้ง)คือ ไม่มีความลับต

ตีแผ่ชีวิตเด็กสายอาร์ต ที่มันไม่อาร์ตอย่างที่คุณคิด

รูปภาพ
                    เกริ่นก่อนเลยว่าประสบการณ์ที่เล่ามาจาก คนที่เรียนศิลปะในมหาวิทยาลัยศิลปะลำดับต้นๆของไทย ซึ่งพูดแบบนี้แล้วมันอาจดูอวยมหาลัยตัวเอง(ฮา) แต่จุดมุ่งหมายที่เราอยากจะทำบทความนี้ขึ้นมาก็เพราะตอนนั้นเราก็เป็นคนหนึ่ง ที่เคยนั่งหาข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตของคนเรียนศิลป์ต่างๆนานา มันกลับมีน้อยมาก น้อยเท่าหางอึ่งเลยก็ว่าได้ แล้วเราก็เคยคิดมาโดยตลอดตั้งแต่ก่อนเข้ามหาลัยว่าถ้าเราจบไปแล้วเราจะเขียนเรื่องราวของตัวเองขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งของการแชร์ประสบการณ์เล็กๆ(ซึ่งไม่รู้จะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน) สำหรับใครที่สนใจจะเรียนด้านสายอาร์ต อะไรที่เขาต้องเจอบ้าง ต้องเตรียมตัวเตรียมใจและเตรียมตังค์เท่าไหร่ถึงจะพอ เพราะชีวิตเด็กสายอาร์ตจริงๆมันต่างจากในซีรี่ย์เยอะ(มาก) 1. เวลา เรียกได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญอันดับ 1 เลยก็ว่าได้ เพราะสิ่งนี้แหละที่จะตัดสินว่าใครจะติดหรือไม่ติด ที่พูดงี้เพราะเราผ่านจุดนี้มาแล้ว และมันช่างเจ็บปวด(มาก) เวลาที่เราไม่ได้คณะอย่างที่ฝันไว้ ย้อนไปปี 2557 คณะสีส้มของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งมีการแข่งขันที่สูงลิ่วเลยก็ว่าได้ ตอนนั้นเหมือนจะฮิตเรื่องพวกภาพประกอบไรงี้กัน ทำให้คนแห่มาสอบเยอะมา

แนะนำ 5 เพลย์ลิสที่เราเคลิ้มไปกับหน้าฝนนี้

รูปภาพ
          อะแฮ่ม...ช่วงนี้หลายคนคงพอรู้ว่ากรุงเทพเริ่มเข้าหน้าฝนอย่างเป็นทางการ ไม่ว่าจะตกหนักตกเบา เราก็สังเกตได้ว่าในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเราเจอกับเมฆครึ้มมากกว่าแสงแดด ใครที่กลับไปอยู่บ้านกับที่บ้านก็ต้องมีจัดคิวกับคนในบ้านหน่อยล่ะ ถ้าพื้นที่ตากผ้ามีน้อยหรือใครมีราวตากผ้าเดียวใช้กันทั้งบ้าน ถ้าไม่จัดคิวดีๆคงต้องเกิดศึกในบ้านเป็นแน่ แต่ เดี๋ยวก่อน เรารู้ว่าหลายคนอาจจะไม่ชอบหน้าฝนที่นำพาสารพัดปัญหา ไม่ว่าจะ รถติด น้ำท่วม เสื้อผ้าเหม็นอับ ขี้หมาลอย(อี๋) เท้าเปื่อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพอหน้าฝนแล้วหลายคนคงอยากนอนบนเตียงต่อ และยิ่งฝนตกในตอนเช้าล่ะก็ไม่รอดหรอก เตียงดูดวิญญาณกันมานักต่อนักแล้ว เสียงฝนตกพร่ำๆ หมอนนิ่มๆ ซุกตัวในผ้าห่มอุ่นๆกับหมอนข้างคู่โปรด มันคือสวรรค์ชัดๆ เราเลยอยากจะมาเพิ่มความฟินด้วย 5 เพลย์ลิสแบบเบาสบายที่ดีต่อใจในหน้าฝน                1.  Fine on the outside  จากเรื่อง When Marnie was there ของค่ายสตูดิโอ Ghibi ศิลปิน Priscilla Ahn  เพลงเหงาๆ ที่เหมาะกับอารมณ์เหงาๆของคนเมือง เพลงพูดถึงความรู้สึกของการเป็นคนนอกหรือคนที่โดนมองข้ามไม่ว่าจะจากครอบครัวหรือสังคมก็ตาม ซึ่งก็จะส

อยู่ว่างๆ...มาเล่นเกมเป็นสัปเหร่อกันเถอะ!

รูปภาพ
                     จะมาแนะนำเกมที่เราอินมาก (ก. ล้านตัว) ในช่วงที่กักตัวอยู่บ้าน เล่นมันทั้งวันทั้งคืน ติดมาก หากใครชอบแนวเกม Stardew valley ที่คล้าย Harvest moon เราขอแนะนำ Graveyard keeper แปลตรงๆก็คือ คนเฝ้าสุสานหรือสัปเหร่อนั่นเอง ซึ่งเกมนี้สามารถเล่นได้ทั้งในมือถือในในระบบ IOS และ Android และในคอมพิวเตอร์ผ่าน STEAM ได้ด้วย ซึ่งค่าเสียหายที่เราโดนไปในระบบ IOS ก็คือ 349 บาท แต่เราไปเช็คมาในระบบ Andriod เสียแค่ 300 บาท และยิ่งในคอมจะเหลือแค่ 289 บาท ทำไม? ไม่เข้าใจ (ฮา) ซึ่งแนวเกมก็จะเหมือน Stardew valley เลย แต่แค่เปลี่ยนอาชีพจาก เกษตรกร มาเป็น สัปเหร่อ ซึ่งก่อนลองเล่นก็คิดนะ ว่ามันจะหนุกมั้ย? เพราะด้วยราคาเกือบ 400 เราก็คิดแล้วคิดอีก แต่ด้วยความที่ช่วงนี้ว่างมาก เลยแบบ เออ! กดซื้อไปเลยจ้า แล้วมันก็เป็นการแบบซื้อขาดครั้งเดียว เพราะฉะนั้นเราว่ามันคุ้ม พอลองเล่นดู อั๊ยย่ะ มันดีกว่าที่คิดอีก                       ขอบอกว่าใครเป็นคอเกมที่ชอบเล่นเกมแบบแนวอินดี้ เล่นเรื่อยๆ เสมือนไม่มีจุดจบ ขอบอกว่าเกมนี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง เพราะเท่าที่เราเล่นมาเดือนกว่าแล้ว แต่เรายังเล่นเนื

แนะนำการ์ตูนยุคเก่า(ไม่มาก)...ที่เราคิดถึง

รูปภาพ
          สวัสดีค่า ขอออกตัวก่อนเลยว่าปัจจุบันคนเขียนอายุ 24 ปี ปัจจุบันก็ทำงานแล้ว และไม่ได้ทำงานอะไรที่เกี่ยวกับสายการ์ตูนเลยด้วย แต่การดูการ์ตูนเนี่ยกลับเป็นเหมือนเลือดที่หล่อเลี้ยงร่างกายเลยซะทีเดียว ฮ่าๆ(ตัดภาพมาปัจจุบันคือดูน้อยมาก แอบเศร้า)  การ์ตูนสำหรับเราในวัยเด็กเนี่ย มันเป็นอะไรที่มากกว่าภาพของตัวละครสีสันสวยๆวิ่งไปมาบนหน้าจอโทรทัศน์ การ์ตูนเนี่ยเปรียบเสมือนเพื่อนของเราตั้งแต่เด็ก อารมณ์เหมือนถ้ามีโนบิตะก็ต้องมีโดราเอม่อนยังไงอย่างงั้น พอมาเริ่มโตขึ้น ด้วยกิจวัตรอะไรหลายๆอย่างที่เราต้องทำในแต่ละวัน เราเลยมีความจำเป็นที่ต้องห่างจากสิ่งเหล่านี้ไป ซึ่งมันก็คือสิ่งที่ต้องแลกมากับการเป็นผู้ใหญ่  ซึ่งเมื่อเรามองดูการ์ตูนสมัยนี้ สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือวิวัฒนาการ ด้วยอุปกรณ์ที่มีความทันสมัยมากขึ้น ทำให้ภาพคมขึ้น สมจริงมากขึ้น มันกลับทำให้เรารู้สึกมันไม่สนุกเท่าที่สมัยเรายังเป็นเด็ก ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน อาจเป็นเพราะเรายังติดกับการ์ตูนที่ใช้มือวาด  คิดถึงกลิ่นอายลายเส้นแบบเก่าๆ ที่ไม่ได้ดูเพอร์เฟค ไม่ได้สมจริง กลับกลายเป็นว่ามีเสน่ห์ เราเลยอยากจะมาแนะนำการ์ตูนที่เราคิดถึงกัน